สัญลักษณ์ในพระกรของพระพิฆเนศ
สัญลักษณ์ต่างๆ ของพระพิฆเนศ
วิตรรกมุทรา (Vitarka mudra) หรือท่าของการแสดงธรรม รวมทั้งดอกไม้สีแดงและสีเหลือง มีความเกี่ยวข้องกับพระพิฆเนศ
ในความหมายของ "ช้าง" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ความฉลาด และความสง่างาม ในอดีตช้างเป็นสัตว์ที่ใช้เลือกผู้สืบราชบัลลังก์ ช้างเผือกเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ (ช้างไม่ว่าตัวเล็กหรือใหญ่ ต่างก็กินแต่พืช) เมื่อมีช้างเกิดใหม่ย่อมหมายถึงความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของประเทศ
v พระกร
(แขน) ทั้ง 4 หมายถึงพลังอำนาจที่จะช่วยเหลือมนุษย์
vบ่วงบาศก์และขอสับช้างที่ทรงถือ หมายถึงการแพร่หลายกระจายออกไป
และความสง่างาม
v งาข้างที่หักที่ทรงถือไว้ในพระหัตถ์ขวา
หมายความว่าพระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครองจากภัยอันตรายต่างๆ
v พระนาภี
(ท้อง) ที่พลุ้ยใหญ่ หมายถึงความอดทน
และยังแสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลต่างมีอยู่ในพระองค์
v พระบาท
(เท้า) หมายถึงสิทธิและพุทธิ หรือการบรรลุในสิ่งที่ปรารถนาและความรู้
v ขนมโมทกะ
(Modaka)
เป็นสัญลักษณ์แทนชญาณ (jnana) หมายถึงความปิติสุข
พาหนะของพระองค์แทนความปรารถนาทางโลกที่จะต้องเอาชนะให้ได้
พาหนะของพระองค์แทนความปรารถนาทางโลกที่จะต้องเอาชนะให้ได้
v สังข์
(Shankha)
พระองค์ทรงฟังเสียงสังข์ที่เป่าบูชา
ทำให้ทรงนึกถึงเสียงช้างที่ร้องอย่างมีความสุขในป่า จึงทรงกล่าวว่า “มาเถิด พวกเจ้าจงมาหาข้าเพื่อบูชาข้า” หมายถึง
การอำนวยอวยชัยให้มีชื่อเสียง, เกียรติยศ
v อังกุษ
(Ankusha)
– ขอสับช้าง หมายถึง อำนวยอวยชัยทางด้านอายุ
v ขวาน (Parashu) พระองค์ทรงรู้ว่าสาวกบางคนอาจต้องพบเจอกับอุปสรรคในอนาคต
จึงใช้ขวานนี้ปกป้องสาวกของพระองค์อย่างนุ่มนวลจากเหล่าปีศาจที่เข้ามา
หมายถึงการกำจัดอุปสรรค์นานาประการ
v บ่วงบาศก์ (Pasha) จิตใจที่กรุณาของพระองค์เปรียบเหมือนบ่วงบาศก์ที่ดึงเอาเหล่าสาวกผู้บูชาพระองค์ที่เดินสะเปะสะปะไร้จุดหมายเข้ามาใกล้ๆ
และคอยปกป้องเขาเหล่านั้น หมายถึง
ใช้สำหรับมัดคนที่ประพฤติผิดศีลธรรมให้กลับกลายเป็นคนดี
v วัชระตรีศูล
(Vajratrishula)
- สายฟ้า เช่นเดียวกับพี่ของพระองค์ (Murugan-พระขันธกุมาร)
พระพิฆเนศทรงมีสายฟ้าเป็นอาวุธ หมายถึงจิตวิญญาณที่อยู่เหนือจิตใจ, จิตใจอยู่เหนือวัตถุ ควบคุมจักระ (Chakra) ทั้งสูงและต่ำ
หมายถึง ผู้เป็นใหญ่ใน 3 โลก อำนวยอวยชัยทางด้านอำนาจ บารมี
v จักร
- (Chakra) เป็นสัญลักษณ์แทนดวงอาทิตย์ (แทนใจ) และดวงจันทร์ (แทนความรู้สึก)
ซึ่งหมายถึง สติปัญญาของพระผู้เป็นเจ้า ใช้ป้องกันภัยอันตราย ความชั่วร้าย
และสิ่งอัปมงคลต่างๆ
v โมทกะภัทร
(Modakapatra) หรือถ้วยขนมโมทกะ พระพิฆเนศทรงมีฟันผุ แต่ขนมโมทกะคือสัญลักษณ์ของความหลุดพ้น –
โมกษ (Moksha) ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์รักที่สุด
v คฑา
(Gada) ภาษาอังกฤษใช้ว่า Mace จะแปลว่ากระบองก็ได้
คฑาแทนการตัดสินใจเด็ดขาดและความเป็นผู้นำของพระพิฆเนศ ทรงสอนสาวกให้อย่ายอมพ่ายแพ้หรือล้มเลิกกลางคันจนกว่าจะทำงานแล้วเสร็จ
คฑาแทนการตัดสินใจเด็ดขาดและความเป็นผู้นำของพระพิฆเนศ ทรงสอนสาวกให้อย่ายอมพ่ายแพ้หรือล้มเลิกกลางคันจนกว่าจะทำงานแล้วเสร็จ
v กริช
- (Chhuri) บางครั้งพระองค์ทรงถือกริชซึ่งมีความคมเหมือนใบมีดโกน หมายถึงความยากลำบาก
ความขัดข้องต่างๆ ที่เหล่าสาวกจะต้องเผชิญในบางครั้ง อุปสรรคที่ต้องฟันฝ่า
v สร้อยปะคำ (Rudraksha
Mala) พระพิฆเนศทรงนั่งอยู่ที่เบื้องบาทพระศิวะพร้อมกับถือ Japa
Mala (ลูกปะคำ) ไว้ในมือ
คอยรอคำสั่ง/โองการจากองค์พระบิดาที่เป็นจอมเทพเหนือเทพทั้งปวง
ใช้สำหรับสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า และเจริญสมาธิ
v บุปผศร
(Pushpashara) หรือศรดอกไม้ พระองค์ทรงยิงศรที่หุ้มด้วยมวลดอกไม้จากคันธนูที่ทำจากอ้อย
เพื่อนำทางเหล่าสาวกของพระองค์ไม่ให้เดินห่างไปจากเส้นทางธรรมของความอิ่มเองใจที่แท้จริง
ศรนี้ใช้บอกทางเดินที่ถูกต้อง และอำนวยอวยชัยให้สมปรารถนาในความรัก เป็นธนูแห่งรัก
พระกามเทพทรงถวายมี 3 ดอก คือ รัก เสน่หา
และลุ่มหลงคลั่งไคล้
v อมฤตกุมภ์
(Amritakumbha) หรือหม้อน้ำทิพย์ พระองค์ได้รับการชำระล้าง (อาบน้ำ)
ทุกครั้งเมื่อเหล่าผู้บูชาไขว้แขนเคาะวิหารของพระองค์ น้ำอมฤต (Amrita) จะไหลจากสหัสราระจักรา (sahasrara) ไปยังมูลธารจักรา
(muladhara) ใช้ชะล้างสิ่งอัปมงคล
ชั่วร้าย
v ปัทม
(Padma) หรือดอกบัว พระองค์ต้องการให้เหล่าสาวกมีความมั่นใจ/เชื่อมั่นในตัวเอง
โดยเรียนรู้จากดอกบัวที่เติบโตขึ้นอยู่กลางโคลนตมแต่ก็สามารถชูช่อดอกบานสูงพ้นน้ำได้
ความหมายทางนัย คล้ายกับดอกบัว 4 เหล่าของศาสนาพุทธ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น